วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

seo google rank

http://www.seolotus.com/Google-Penguin-3.0-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%A1-1012-8


Google Penguin 3.0 กำลังจะมา ควรสร้างแบ็คลิงค์ถูกหลักอัลกอริทึม

Google Penguin 3.0 กำลังจะมา ควรสร้างแบ็คลิงค์ถูกหลักอัลกอริทึม
  เจาะลึกเรื่องราวเกี่ยวกับ Google Penguin 3.0 กำลังจะมา ควรสร้างแบ็คลิงค์ถูกหลักอัลกอริทึม อ่านได้จากเนื้อหาต่างๆจากที่นี่ ให้ผู้อ่านทุกคนได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแท้จริง สำหรับการบริการ seo รับโปรโมทเว็บให้ให้ติดหน้าแรก google โดยการศึกษาความรู้เกี่ยวกับ Google Penguin 3.0 กำลังจะมา ควรสร้างแบ็คลิงค์ถูกหลักอัลกอริทึม โดยการทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ต้องศึกษา เพื่อทำให้เว็บของเรามีผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน ปลอดภัย ทำให้เรามีความรู้ความสามารถ ซึ่งเราต่างก็รู้ว่า การโปรโมทเว็บ เพื่อดันอันดับเว็บให้ติดหน้าแรก google มีอยู่ 2 ปัจจัยหลัก คือ on-page seo และ off-page seo เป็นการอธิบายกว้างๆ ในแต่ละหัวข้อมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจอีกมากมาย จึงเป็นเหตุผลทำให้เราต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ การปรับเว็บให้รองรับ seoไม่ได้ใช้เพียงแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งในการทำให้เว็บของเราติดอันดับกูเกิ้ล แต่ต้องใช้ความรู้ที่ลึกซึ้งจึงจะสามารถดันอันดับได้ แต่ก็ไม่ยากเกินกำลังความคิดของทุกท่านอย่างแน่นอนครับ ผู้เขียนขอแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านพยายามติดตามเนื้อหาคุณภาพที่เกี่ยวกับการทำ seo จากเว็บของเราครับ การทำ seo ในปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่ายากกว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาครับ การทำอันดับบน google search ไม่ได้ง่ายเหมือนยุคที่ผ่านมา ผู้ที่รับทำ seo หรือนักการตลาดออไลน์ ต้องใส่ใจเกี่ยวกับคุณภาพของบทความมากที่สุด ซึ่งเราทุกคนต่างเข้าใจผู้ที่ค้นหาข้อมูลผ่าน google search ต้องการข้อมูล มีประโยชน์ สามารถนำไปเป็นคู่มืออ้างอิง หรือเป็นเอกสารประกอบการเรียนการสอนได้ ในวันนี้การดันอันดับบนกูเกิ้ลเสิร์ทไม่หมือนอดีตที่ผ่านมา ระบบค้นหาของกูเกิ้ลได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการสร้างระบบ Algorithm ที่มีความฉลาดและเก่งขึ้นเรื่อยๆ สามารถตรวจสอบว่าเว็บไซต์ไหนมีคุณภาพหรือไม่ โดยใช้ชุดคำสั่งสำหรับตรวจเช็คความถูกต้อง การได้มาซึ่งอันดับของแต่ละเว็บไซต์นั้นเป็นไปตามกฎและนโยบายของ google หรือไม่ การทำอันดับบนผลการค้นหา search engine result pages จึงไม่ใช่แค่การปรับหน้าเว็บให้สนับสนุนออนเพจ หรือการเพิ่มปริมาณของลิงค์ไปยังเว็บไซต์หลักตามการปรับออฟเพจ แต่ต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาของ web ว่ามีคุณภาพอย่างไร ผู้อ่านจะได้อะไรจากเนื้อหาที่เราเขียน บทความจาก website ของเรา มีเนื้อหาที่ลึกซึ้งกว่าเว็บอื่นอย่างไร ไม่ใช่ว่านึกถึงแต่การดันอันดับด้วยเน็ตเวิร์คส่วนตัว ถ้าต้องการใช้เน็ตเวิร์คส่วนตัวก็ต้องสร้างบทความที่มีคุณภาพจริงๆ จึงจะสามารถทำอันดับเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การขยับของอันดับจะไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน เพราะ google จะใช้เวลาในการคำนวณคะแนนในการจัดอันดับ เพื่อให้ได้เว็บที่มีคุณภาพจริงๆ แสดงบนผลการค้นหา การทำ seo ควรเน้นที่คุณภาพและปริมาณควบคู่กัน ดังนั้นทุกท่านต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบทความ Google Penguin 3.0 กำลังจะมา ควรสร้างแบ็คลิงค์ถูกหลักอัลกอริทึม
  รายละเอียดเกี่ยวกับการรับเขียนเว็บไซต์มีความสำคัญสำหรับออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการประชาสัมพันธ์เว็บให้ติดหน้าแรก google อย่างยั่งยืน ผู้อ่านทุกคนจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการเขียน website ให้สนับสนุนกับ google search ด้วยการปรับโครงสร้างของเว็บที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายปรับให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ควรนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณภาพกับผู้ใช้งาน ไม่ควรทำอะไรผิดกฎของ google online marekting มีทั้งเทคนิค white hat เทคนิค black hat เราควรเลือกวิธีที่ถูกต้องเท่านั้น seolotus solotion ขอเป็นเสียงหนึ่งสำหรับส่งเสริมให้เว็บมาสเตอร์สร้างเว็บให้มีคุณภาพต่อผู้อ่าน จะได้ลดจำนวนเว็บสแปมบนโลกอินเตอร์เน็ต และไม่ควรแชร์ลิงค์ไปหาเว็บไซต์ที่มีคีย์เวิร์คหลักอยู่คนละกลุ่มกัน เพราะว่าเป็นการนำทางผู้อ่านที่ไม่ถูกต้อง และไม่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน กล่าวได้ว่า เกี่ยวกับ search engine marketing และ web design เป็นสิ่งที่ต้องทำไปพร้อมกันขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ ออกแบบ website ให้สวยงาม บทความคุณภาพ น่าใช้งาน แต่ปรับให้เว็บไซต์รองรับ search engine optimization ไม่ได้ ก็จะไม่มีทางดันอันดับบน www.google.co.th ในขณะเดียวกันหากมีความรู้ความเข้าใจเกี่่ยวกับ search engine marketing แต่ว่าสร้างเว็บไม่ได้เรื่อง หน้าเว็บไม่น่าเชื่อถือ ข้อมูลไม่มีคุณภาพ ก็ไม่สามารถทำอันดับบน www.google.co.th หรือหากทำได้ก็จะติดอันดับไม่ยาวนาน ดังนั้นทุกคนต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการโปรโมทเว็บที่ถูกต้อง ตามกฎ google webmaster guideline เพื่อทำให้ website ของเรา แสดงบนผลการค้นหา search engine result pages อย่างต่อเนื่อง ผมอยากแนะนำผู้อ่านทุกคนเข้าใจว่าการดันอันดับเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก google สามารถทำได้ แต่ขอให้ยึดหลักการที่ถูกต้อง เพียงแค่นี้เราก็สามารถ promote website ให้มีคนรู้จัก และเพิ่มปริมาณคนเข้าชมเว็บไซต์ seolotus solotion จะสร้างบทความดีๆนำเสนอให้กับทางผู้อ่านทุกคนได้รับข้อมูล สาระ ข่าวสาร เกี่ยวกับ search engine marketing และ web design ได้จาก blog ของเราครับ
วิธีทำ SEOโปรโมทเว็บให้ติดอันดับ Googleด้วยเนื้อหาคุณภาพเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
  การเรียนรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติการทำ SEO การโปรโมทเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ของผลการค้นหา เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการประชาสัมพันธ์ธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ ณ ตอนนี้ความรู้ความเข้าใจในส่วนของการทำการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ต Internet Marketing เป็นปัจจัยหลักสำหรับพัฒนาให้งาน ธุรกิจ ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน เรื่องราวของ Search Engine Optimization มีความสำคัญสำหรับการทำการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตเพื่อทำให้สามารถจำหน่ายสินค้า บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจำหน่ายสินค้าได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย การทำ SEO เป็นการประชาสัมพันธ์งานที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ผลิภัณฑ์โดยตรง ซึ่งสามารถเลือก Target Group ของธุรกิจได้ โดยกำหนดคีย์เวิร์ดหลักของเว็บ แล้วจึงทำการโปรโมทเว็บให้ติดอันดับ Google ดูท่าทางจะง่ายซึ่งความเป็นจริงมีความซับซ้อนอย่างมาก การดันอันดับ Googleในปัจจุบันต้องเน้นคุณภาพอย่างแท้จริง Google ต้องการให้ผู้สร้างเว็บไซต์ สร้าง website ที่มีข้อมูลคุณภาพไม่ซ้ำกับเว็บอื่น มีความเป็น Unique Content เป็นประโยชน์ต่อผู้ค้นหา ยิ่งคุณภาพมากแค่ไหนก็ยิ่งส่งผลให้เว็บมีอันดับที่ดีในผลการค้นหา Search Engine เราควรให้ความสำคัญกับผู้อ่านเป็นอันดับแรก เพราว่าผู้อ่านนี่หละครับที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพและมีประโยชน์มากน้อยขนาดไหน หากเราทำเว็บเพื่อผู้อ่านก็จะสามารถดันอันดับเว็บได้ไม่ยากครับ พยายามอย่าใช้วิธีการการทำ SEO Black Hat เพราะจะถูกกูเกิ้ลทำโทษ หรือที่เรียกว่า Google Penalty เราควรทำอันดับด้วยแนวทางการโปรโมท SEO White Hat เพื่อการติดอันดับยาวนาน
  ทำความเข้าใจกับ Unique Content หลายท่านคงเคยได้อ่านบทความ SEO รายละเอียดเกี่ยวกับบทความคุณภาพมาบ้างแล้ว แต่ผมเชื่อว่าแนวคิด ความเข้าใจ เกี่ยวกับหัวข้อนี้ อาจจะแตกต่างกันออกไปในด้านวิสัยทัศน์การเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาคุณภาพไม่ซ้ำกับเว็บไหน ถ้าหากเราเข้าใจว่า Google ต้องการ Content แบบใดที่แสดงบน Search Engine จะทำให้การดันอันดับกูเกิ้ลง่ายขึ้นครับ เพราะเรารู้และเข้าใจว่ากูเกิ้ลต้องการอะไรจากผู้พัฒนาเว็บไซต์ และต้องการมอบสิ่งใดให้กับผู้ที่ค้นหาข้อมูล ซึ่ง เรามักจะได้ยินกันบ่อยมาก กับประโยคที่ว่า Content is King ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงครับ การโปรโมทเว็บไม่ได้มีอะไรยุ่งยากไปกว่าการสร้าง Content ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ตลอดจนสามารถนำข้อมูลไปใช้งานได้จริง สามารถนำไปเป็นคู่มือศึกษาเกี่ย่วกับ Inernet Marketing การปรับให้เว็บมีบทความคุณภาพในมุมมองของ Google ควรให้หน้าหลักมีความยาวของเนื้อหาอย่างน้อยๆ 1 - 3 หน้า A4 ครับ ถ้าน้อยกว่านี้ ถือว่ามีรายละเอียดไม่เพียงพอสำหรับผู้อ่าน เพราะเนื้อหาที่จะสื่อสารให้ผู้ใช้งานเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อเรื่องนั้นๆ ได้อย่างละเอียด ลึกซึ้ง ควรมีรายละเอียดที่มากกว่าบทความทั่วไป เราควรเขียนจากการศึกษา เรียนรู้ เรื่องราว ที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง ไม่ใช่อ่านผิวเผิน แล้วนำมาเขียนใหม่ หรือเรียบเรียงใหม่ บทความที่สร้างขึ้น อาจไม่มีคุณภาพในมุมมองของ Search Engine เพราะระบบค้นหาของ Google เป็นระบบบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ มีการเทียบเคียง เปรียบเทียบ บทความของเรา กับเว็บไซต์ ทั่วโลก การจะทำให้บทความของเรามีความเป็นเอกลักษณ์นั้น เราควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนสร้างบทความครับ
  แนวทางการสร้าง Off Page Link คุณภาพ เพื่อดันอันดับบน Google Search ในยุคที่ต้องเน้นคุณภาพเป็นหลัก ต้องสร้างแบ็คลิงค์จากเว็บที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาของหน้าหลัก อีกทั้งพยายามเลือกสร้าง Off Page Link จากเว็บที่มี Keyword หลักจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หรือมีคีย์หลัก คีย์รอง ใกล้เคียงกัน ระหว่าง On Page Web และ Off Page Web การสร้างลิงค์ควรมีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำผู้อ่าน สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพ ในขณะนี้แบ็คลิงค์ยังคงมีความสำคัญต่อการจัดอันดับบนผลการค้นหาของกูเกิ้ล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบ็คลิงค์คุณภาพ จากบทความที่มีเอกลักษณ์ Unique Content ไม่ซ้ำกับเว็บอื่น อีกทั้งเนื้อหาจะต้องเป็นมิตรกับผู้ค้นหา อ่านแล้วได้รับความรู้ ได้รับประโยชน์
  ปริมาณคนเข้าเว็บ หรือที่เรียกกันว่า Unique IP Traffic มีผลต่อการจัดอันดับ Ranking บนผลการค้นหาของ Google Search ทุกวันนี้กูเกิ้ลได้ให้ความสนใจในเรื่องการจัดอันดับด้วยคะแนนจากการเข้าอ่านเนื้อหา หรือ การตรวจสอบคุณภาพของเว็บผ่านการตรวจสอบ ค่าอัตราการตีกลับ Bounce Rate หากค่าอัตราการติกลับสูง แสดงว่า คนเปิดหน้าเว็บแล้วรีบปิดหน้านั้นทันทีทันใด หากค่าของอัตราการตีกลับต่ำ หมายถึง คนเปิดหน้าเว็บแล้วหยุุดอ่านบทความจนจบ หรือใช้เวลาอยู่ในเพจนั้นนานๆ ยิ่งเพจไหนมีคนเข้าอ่านมากๆ ยิ่งส่งผลให้มีอันดับที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยอาจไม่ต้องอาศัยแบ็คลิงค์ในการมาดันอันดับ เพราะเนื้อหาคุณภาพ และจำนวนคนเข้าอ่านเว็บมากๆ ช่วยทำให้ติดอันดับ Google ได้อย่างรวดเร็ว และติดอันดับยาวนาน
  หลักการปรับ On Page SEO ให้กับเว็บไซต์สนับสนุน Google Search ให้มีประสิทธิภาพสูง ก่อนอื่นให้ทำการวิเคราะห์ Keyword หลัก และคีย์เวิร์ดรอง ของ Website เป็นอันดับแรก เพื่อที่เราจะได้เลือกใช้คีย์เวิร์ดตรงกับบทความภายในเว็บไซต์ครับ นอกจากนี้การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดยังเป็นการทำให้เราทราบว่า คีย์นั้นมีการค้นหาเฉลี่ยนกี่ครั้งต่อเดือน ซึ่งจะทำให้เราทราบว่า ควรปรับแต่งเว็บอย่างไรให้ถูกใจ Google รวมทั้งทราบจำนวน Off Page Links ว่าควรใช้ปริมาณเท่าไหร่ จึงจะติดอันดับบนผลการค้นหา ตามที่ต้องการ การปรับให้ Website มีเนื้อหาตรงกับความต้องการของระบบค้นหา จะต้องมีบทความที่ครอบคลุมเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อธิบายเนื้อหาสำคัญของบทความ ตลอดจนทำให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้ หากทำอย่างนี้ได้ การทำอันดับบน Search Engine ก็สามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะว่าเว็บของเรามีบทความที่ผู้อ่านชอบ ส่งผลให้มีปริมาณคนอ่านมากขึ้น ซึ่งทุกปัจจัยล้วนส่งผลต่อการทำ SEO ให้ติดอันดับ Google
  วิธีการปรับ Off Page SEO เพื่อดันอันดับบน Google Search แม้ว่าทางทีมงานของกูเกิ้ลจะออกมาแถลงว่า อีกสองถึงสามปี ทาง Google จะยกเลิกการใช้ Backlink มาเป็นปัจจัยในการคำนวณอันดับบนผลการค้นหา Search Engine Result Pages และในขณะนี้เราจะเห็น Website จำนวนมาก ติดหน้าแรก ของผลการคนหา โดยที่ไม่มี Off Page Link มาดันเพจนั้น การที่หน้าเว็บดังกล่าวติดอันดับได้ มาจากจำนวนคนที่เข้ามาอ่านเป็นหลัก และค่าของอัตราการตีกลับ Bounce Rate มีค่าต่ำ คือ เวลาคนเข้ามาอ่านแล้วมีการใช้เวลาอยู่กับหน้านั้นนานๆ แสดงให้เห็นว่าบทความมีคุณภาพ ในส่วนของคะแนนจากแบ็คลิงค์ ยังคงมีความสำคัญอยู่ในยุคนี้ และรวมถึงในอนาคตข้างหน้าด้วย การที่ Google บอกว่าจะไม่ใช้แบ็คลิงค์เป็นปัจจัยหลักในการคำนวณอันดับ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้ความสำคัญทั้งหมด เพราะลิงค์จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือมีบทความจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และมีคีย์เวิร์ดหลักจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หากได้ลิงค์รูปแบบนี้ก็จะช่วยเรื่องของอันดับได้มาก การปรับแต่ง Off Page ไม่ใช่แค่อาศัยคุณภาพของ Link ที่ชี้ไปหาเว็บหลัก แต่ควรให้ความสำคัญของคนที่จะเข้ามาศึกษาบทความ และเห็นลิงค์ดังกล่าวนี้ด้วย หากผู้อ่านมีการคลิกเข้าอ่านเว็บของเราจากเนื้อหาคุณภาพ เราก็จะได้รับค่า Refferal จากเว็บคุณภาพ อีกทั้งแบ็คลิงค์ของเราก็ได้รับค่า Google Refferal อีกด้วย ทำให้คุณภาพมีการส่งต่อไปยังเว็บของเรา สรุปว่า ปัจจัยด้าน Off Page เป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ และเน้นเรื่องคุณภาพไม่น้อยไปกว่าหน้าเว็บหลักของเราครับ
  ว่าด้วยเรื่องของระยะเวลาการทำ SEO โปรโมทเว็บให้หน้าแรก Google ผมคิดว่ามีผู้ที่ต้องการทำอันดับบน Search Engine จำนวนมาก ที่เข้าใจว่าการดันอันดับนั้น สามารถใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ แต่ความเป็นจริงแล้วการจะติดหน้าแรกกูเกิ้ลในยุคที่เน้นคุณภาพ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการโปรโมทเว็บให้มีคุณภาพในสายตาของ Google เพราะต้องมีการสร้าง Quality Content จำนวนมาก และต้องมีประโยชน์กับผู้อ่านอีกด้วยครับ ถ้าต้องการติดอันดับ Top 10 สำหรับ Keyword ที่มีการแข่งขันปานกลาง - ยาก สำหรับการทำ SEO สายขาว หรือ SEO White Hat จะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 4 - 5 เดือน เป็นอย่างน้อย กรณีเป็น High Competition Keyword จะใช้ระยะเวลาการทำอันดับ 6 เดือน ผมคิดว่าแม้จะใช้ระยะเวลาสักหน่อยในการทำอันดับด้วยเทคนิคคุณภาพ แต่หากแลกกับการติดอันดับยาวนาน 1 ปี หรือมากกว่านั้น ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแน่นอนครับ ดีกว่าใช้ระยะเวลาทำให้เว็บติดอันดับเร็วๆ แต่ติดอันดับ 1 - 3 เดือน ก็หายไปจากหน้าแรกของผลการค้นหา แบบนี้ได้ไม่คุ้มเสียครับ สรุปคือ การทำ SEO ยุคนี้ต้องทำอันดับโดยคำนึงในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบรับที่มีประสิทธิภาพในระยะยาวครับ
  Google Algorithm ระบบชุดคำสั่งขนาดใหญ่ในการจัดการอันดับบน Google Search ของกูเกิ้ล ที่ผมและผู้อ่าน ควรติดตามข้อมูล ข่าวสาร การ Update Algorithm อย่างใกล้ชิด เพราะว่าอัลกอริทึมเปรียบเหมือนผู้นำทางให้เราดำเนินการทำ SEO ให้ถูกกฎของ Google ระบบอัลกอริทึมที่อัพเดทแต่ละรุ่นนั้น สร้างมาเพื่อปรับให้ผลการค้นหามีแต่เว็บที่มีคุณภาพจริงๆ ติดอยู่อันดับต้นๆ ทำให้ผู้ค้นหาข้อมูลผ่านเว็บค้นหาสามารถค้นเจอเนื้อหา ข้อมูล ที่ต้องการ อีกทั้งแสดง URL ของเว็บไซต์ ที่มีบทความถูกต้อง ซึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบค้นหาของกูเกิ้ลอีกด้วย อย่างไรก็ตามคนที่ทำอันดับด้วยเทคนิคคุณภาพล้วนๆ หรือสร้างเนื้อหาคุณภาพล้วนๆ ก็ไม่ต้องกังวลกับการอัพเดทอัลกอริทึมครับ เพราะว่าทุกครั้งที่ทางกูเกิ้ลอัพเดทระบบคำนวณคะแนนสำหรับจัดอันดับเว็บบน Search Engine ของตัวเอง จะมุ่งเน้นด้านคุณภาพเป็นหลัก ใครที่ทำ SEO แบบเน้นคุณภาพ รับประกันว่าติดหน้าแรก Google ได้แน่นอนครับ ซึ่งสามารถอธิบายให้ละเอียดเกี่ยวกับระบบอัลกอริทึมของกูเกิ้ลคร่าวๆ ดังนี้ Google Panda 4.0 เป็นอัลกอริทึมใช้สำหรับตรวจเช็คคุณภาพของบทความทั้งในส่วนของ On Page และ Off Page โดยทำการวิเคราะห์แต่ละบทความที่อินเด็กซ์ บน Search Result Pages ว่ามีการเขียนเนื้อหาเป็นมิตรกับผู้อ่านหรือไม่ และบทความนั้นเป็น Unique Content หรือ เป็นบทความ Duplicate Content เพื่อจัดอันดับบทความคุณภาพมากที่สุดอยู่อันดับต้นๆ ของผลการค้นหา ส่วนบทความที่ไร้คุณภาพก็จะถูกลดอันดับลงไปครับ แพนด้า 4.0 จึงมีหน้าที่ตรวจเช็คคุณภาพของเนื้อหาทั้งหมดของเว็บไซต์, Google Penguin 3.0 เป็นระบบอัลกอริทึมใช้สำหรับตรวจสอบรูปแบบการสร้างลิงค์ หรือที่เรียกว่า Link Building และมุ่งตรวจสอบลิงค์จากเว็บอื่น (External Link) ซึ่งกูเกิ้ลได้ให้ความสำคัญกับอัลกอริทึมชุดนี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบรรดานักทำ SEO ในกลุ่มของหมวกขาว หรือ หมวกดำ จะใช้ปัจจัยออฟเพจ ในการดันอันดับบน Search Engine และมีการสร้างรูปแบบของลิงค์ในลักษณะที่แตกต่างกัน เพื่อหลบหลีกการตรวจสอบของกูเกิ้ล เพนกวิน 3.0 จึงมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง เป็นธรรมชาติของการสร้างลิงค์ ว่ามีการสร้างลิงค์ด้วยบทความคุณภาพหรือไม่ มีการสร้างรูปแบบลิงค์ในลักษณะเป็นธรรมชาติหรือไม่ อีกทั้งติดตามการเพิ่มปริมาณของลิงค์ รวมไปถึงการตรวจสอบจำนวนลิงค์เข้า-ออกในแต่ละ website ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บหลักว่ามีลักษณะเป็น Blog Network หรือไม่ การทำงานร่วกันกันระหว่าง แพนด้า 4.0 และ เพนกวิน 3.0 เป็นการทำงานที่ลงสมบูรณ์แบบและสามารถแบนเว็บสแปมได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ, Google Hummingbird ระบบอัลกอริทึมใช้ในการตรวจสอบการเชื่อมโยงของลิงค์ภายในของเว็บหลัก (Internal Link) ว่าเว็บนั้นๆ มีการสร้างลิงค์นำทางผู้ใช้งานได้ถูกต้องหรือไม่ มีการเชื่อมโยงเนื้อหาสอดคล้องกับความต้องการของผู้อ่านหรือไม่ เพื่อจัดอันดับด้านคุณภาพในส่วนของการนำเสนอเนื้อหา, Page Layout Algorithm อัลกอริทึมตัวนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตรวจสอบการจัดวางเลย์เอาท์ของ web ว่าสนับสนุนการใช้งานของผู้อ่านหรือไม่ มีการจัดการระบบโครงสร้างของเว็บไซต์เป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานของระบบสากลหรือไม่ และผู้อ่านสามารถอ่านข้อความหรือเข้าถึงบทความต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของเว็บนั้นๆ ครับ, Payda Loan Algorithm เป็นระบบอัลกอริทึมใช้สำหรับตรวจสอบเว็บแสดงโฆษณาที่ไม่มีคุณภาพ ที่หลอกหลวง หรือสร้างลิงค์นำทางไปหาหน้าเว็บที่มีเนื้อหาไม่สอดคล้องกัน เพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ เกี่ยวกับการสร้างรายได้ รวมไปถึงเว็บที่อยู่ในข่ายกลุ่ม black list ของกูเกิ้ลด้วย และหากตรวจพบก็จะถูกทำโทษทันทีครับ, ซึ่งเราจะเห็นว่า Google ได้พยายามพัฒนาระบบ Algorithm ใหม่ๆ เพื่อมาตรวจเช็คและจัดการเทคนิคการทำ SEO ที่ผิดกฎเกณฑ์ของ Google การที่เราโปรโมทเว็บด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง และเป็นมิตรกับระบบคัดกรองคุณภาพของ Google ก็จะสามารถโปรโมทเว็บให้ติดหน้าแรก Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดอันดับได้ยาวนาน ปลอดภัยครับ
  การใช้งานระบบ Social Network มาช่วยทำอันดับ Google ทุกวันนี้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คได้มามีบทบาทสำคัญอย่างมากเกี่ยวกับ Online Marketing ครับ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน มือถือที่สามารถใช้ระบบอินเตอร์เน็ต ได้สมัครใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คจำนวนมาก และเป็นสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ เช่น Facebook , Google Plus , Twitter , Youtube , Line เป็นต้น การนำเอาระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คมาช่วยทำ SEO จะทำให้เว็บไซต์ของเรา สามารถติดอันดับได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น เพราะว่าได้แบ็คลิงค์จากเว็บที่มีค่า High Page Authority , High Page Rank , High Domain Authority , High Trust Rank ซึ่งมีความสำคัญในการทำอันดับ และควรใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค มาเป็นตัวแปรหลักในการทำ SEO โปรโมทเว็บให้ติดหน้าแรก Google
  การเลือกใช้ Keyword ที่ถูกต้อง มีส่วนสำคัญในการทำให้เว็บติดอันดับกูเกิ้ล นอกจากการปรับให้เว็บส่งเสริมปัจจัยทุกด้านเกี่ยวกับ Search Engine Optimization แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการเลือกใช้คีย์เวิร์ดสอดคล้องกับคีย์เวิร์ดหลักของเว็บเราครับ โดยที่เราต้องทำการวิจัยคีย์เวิร์ด หรือที่เรียกว่า Keyword Research ก่อน เพื่อที่จะสามารถใช้ Keyword ได้ถูกต้องกับ Web หลักของเราครับ โดยใช้เครื่องมือ Google Adwords Keyword Planner เพื่อตรวจสอบจำนวนการค้นหาเฉลี่ยนในแต่ละเดิอร ว่าคีย์เวิร์ดนั้นๆได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามคีย์เวิร์ดที่มีจำนวนคนค้นหามาก ไม่ได้แปลว่าเราจะได้รับผลตอบรับที่ดีเสมอไปครับ เราควรเลือก Keyword ตลาด เมื่อติดอันดับตามคีย์เหล่านี้แล้ว จะได้รับผลตอบรับที่มีประสิทธิภาพ และเว็บใดเว็บหนึ่งไม่ควรทำ SEO ด้วยคีย์เวิร์ดหลักมากกว่า 5 คำในเพจนั้นๆ เพราะจะทำให้อันดับไม่ยั่งยืน มีอาการแดนซ์ของอันดับเกิดขึ้นได้ หากต้องการใช้ Keyword หลัก สำหรับทำอันดับ Google มากกว่า 5 คำในหนึ่งหน้า ควรปรับให้หน้าเว็บมีเนื้อหาคุณภาพที่ครอบคลุมคีย์เวิร์ดเหล่านั้นทั้งหมดครับ
  บอกให้ Google เข้าใจว่าเว็บของเรามีคุณภาพ ด้วยการใช้เครื่องมือสำหรับผู้พัฒนาเว็บ Google Tools ในขณะนี้กูเกิ้ลได้พัฒนาเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของนักออกแบบเว็บไซต์ ให้สามารถเข้าใช้งานฟรี ทั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้าของเว็บสามารถบริหารจัดการ Website ของตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เว็บถูกต้องตามกฎและนโนบายของ Google เครื่องมือที่ได้รับความนิยม เช่น Google Webmaster Tools , Google Analytics , Google Adwords Keyword Planner , Googel Adwords Display Planner , Google Page Speed Insights , Google Plus , Youtube และ Blogger เป็นต้น ล้วนเป็นเครื่องมือจำเป็นที่ช่วยให้เราสามารถบริหาร จัดการเว็บให้รองรับ Search Engine อย่างมีประสิทธิภาพ หากเราทำ SEO แบบเน้นคุณภาพ การใช้เครื่องมือของกูเกิ้ล จะช่วยให้เราสามารถทำอันดับได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากกูเกิ้ลจะแจ้งให้เราทราบโดยตลอดว่า เรากำลังโปรโมทเว็บอยู่บนมาตรฐานของ Googel หรือไม่ และยังแนะนำให้เราปรับให้เว็บให้มีคุณภาพมากกว่าเดิม
  การโพสบทความบนเว็บประกาศ Classified Web ห้ามโพสบทความที่ซ้ำกัน หยุดการสร้างเนื้อหาแบบ Duplicate Content เพราะนอกจากจะไม่ช่วยทำอันดับแล้ว ยังถูกกูเกิ้ลทำโทษ หรือที่เรียกว่า Google Penalty ได้ หากท่านใดที่ต้องการโพสบทความไปยังเว็บบอร์ด ควรทำการ Rewrite บทความ หรือเรียบเรียงใหม่ในความเข้าใจของตัวเอง ซึ่งจะทำให้บทความที่เราโพสนั้นไม่ซ้ำกับเว็บอื่น และเป็นบทความ Unique Content 100% คนที่ค้นหาข้อมูลผ่าน Google Search อ่านบทความของเราแล้วได้รับความรู้ ประโยชน์ สามารถนำเอาข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิงในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ และเว็บหลักก็จะได้รับคะแนนของแบ็คลิงค์ที่มีคุณภาพ ทำให้สามารถติดหน้าแรก Google ได้ยาวนาน ปลอดภัย
  การทำ SEO ด้วยการสร้างระบบเน็ตเวิร์คส่วนตัว หรือที่เรียกว่า Blog Network ในยุค Google เน้นคุณภาพ ควรให้ความสำคัญกับ Quality Content เป็นอันดับแรก ในขณะนี้เรายังสามารถใช้งาน Network ส่วนตัวได้ครับ การที่กูเกิ้ลแบนเน็ตเวิร์คส่วนตัว ส่วนใหญ่จะแบนเพราะบทความไม่มีคุณภาพ มีการใช้ Anchor Text Link ซ้ำกันมากเกินไป และสร้าง Link ออกมากเกินไป เว็บเทมเพลต หรือ CMS ที่ได้รับความนิยมนำมาใช้สร้างเป็นเน็ตเวิร์คส่วนตัว ได้แก่ Wordpress , Pligg , SMF Forum เป็นต้น ทั้งนี้ CMS แต่ละตัว ไม่ได้มีโครงสร้างเป็นที่ถูกใจ Google 100% ครับ ยกตัวอย่าง เช่น Wordpress จะมีการสร้าง Tags เพื่อดึงเนื้อหามาใช้ใน URL ใหม่ ทำให้มีการ Duplicate Content เกิดขึ้น ภายในบล็อกที่สร้างโดยเวิร์ดเพลส เป็นต้น Pligg Social Bookmark ก็เช่นเดียวกัน มีจุดที่ทางกูเกิ้ลไม่ชอบ เช่น มีการสร้าง Link ออกไปยังเว็บหลักมากเกินไป และบทความที่ใช้สร้างแบ็คลิงค์ เข้าข่ายการสแปม ทำให้เว็บโซเชียลบุ๊คมาร์คถูกกูเกิ้ลตรวจสอบเป็นพิเศษ และเสี่ยงต่อการโดนแบนหากไม่เน้นคุณภาพอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามเรายังสามารถสร้าง Network ส่วนตัวทำอันดับได้ครับ เพียงแต่ต้องเน้นคุณภาพสุดๆ จึงจะสามารถโปรโมทเว็บอย่างปลอดภัยครับ
  ปัจจัยหลักที่มีผลต่อการทำ SEO อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ IP Address ไอพีแอดเดรสมีส่วนสำคัญต่อการทำอันดับ Google ค่อนข้างมากครับ เนื่องด้วยทางเจ้าหน้าที่ของกูเกิ้ลได้พัฒนา ปรับปรุงให้ระบบอัลกอริทึมของตนเอง ให้ความสำคัญกับ IP Address ท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น เช่น หากเราต้องการโปรโมทเว็บให้ติดหน้าแรก Google Thailand เราก็ควรเลือกใช้งาน Host ที่มี IP Address ตั้งอยู่ในประเทศไทย ครับ และหากเป็นไปได้ ควรเน้นให้ Off Page Link ที่เชื่อมโยงหาเว็บหลักเป็นไอพีแอดเดรสจากประเทศไทยด้วย ซึ่ง เป็นการบอกให้กูเกิ้ลเข้าใจว่า เรากำลังสร้าง Website คุณภาพ ที่มุ่งเน้นให้ผู้อ่านเป็นคนไทย เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะเลือกโฮสติ้งที่มีค่าไอพีอยู่ในท้องถิ่นที่ต้องการทำอันดับแล้ว เรื่องความเร็วการโหลดหน้าเว็บของโฮสติ้งก็มีผลต่อการทำอันดับด้วยเช่นกันครับ หากเลือกโฮสที่ล่มบ่อย หรือโหลดหน้าเว็บได้ช้า ก็จะทำให้อันดับเว็บของเราหล่นลงจากเดิมได้ครับ นอกจากนี้ควรตรวจอย่างละเอียดสอบด้วยว่า Hosting ที่เราใช้บริการอยู่นั้น รองรับภาษาใหม่ๆ ในการพัฒนา Website หรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้เว็บของเรามีปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาเว็บให้สอดคล้องกับความต้องการของระบบ Google Search
  การลงทะเบียน จดโดเมนเนม Domain Name Register มีผลต่อการทำอันดับ SEO ด้วย บนโลกออนไลน์มีเว็บไซต์ใหม่เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวัน ในทางกลับกันในแต่ละวันก็มีเว็บที่ปิดตัวลงด้วยเช่นกันครับ การจดโดเมนเนมเป็นขั้นตอนแรกๆ ในการทำ SEO ก็ว่าได้ครับ Webmaster หรือเจ้าของเว็บไซต์ควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ชื่อเว็บ ควรตรวจสอบให้ละเอียด รอบคอบ ก่อนสมัครใช้งาน เนื่องจากบางโดเมนอาจมีประวัติการใช้งานที่ไม่ดี เจ้าของโดเมนที่ใช้งานก่อนหน้า อาจใช้วิธีสร้างแบ็คลิงค์ผิดหลักของ Google ซึ่งอาจโดนกูเกิ้ลทำโทษ ซึ่ง หากเรานำมาใช้งานก็จะทำให้การทำอันดับยาก เทคนิคการตั้งชื่อเว็บควรใช้ชื่อที่เป็น Unique จริงๆ ไม่เคยมีใครใช้งานมาก่อนทุกนามสกุล หากตรวจเช็คแล้วว่า ชื่อที่เราจะใช้งาน ไม่มีโดเมนนามสกุลไหนใช้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็น .com , .net , .org , .co.th , .in.th เป็นต้น หากต้องการโปรโมทเว็บให้สามารถทำอันดับได้ง่าย ให้ลงทะเบียนจดโดเมนเนมแบบมี Keyword In Domain อาจจะมีคีย์เวิร์ดหลักอยู่ในชื่อเว็บทุกคำ หรือมีอยู่บางคำก็ได้ครับ กรณีที่ต้องการโปรโมทเว็บด้วยคีย์เวิร์ดไทย สามารถจดโดเมนเนมภาษาไทยได้ครับ อย่างไรก็ตามการจดโดเมนเนมแบบภาษาอังกฤษกับแบบภาษาไทย มีจุดเด่น จุดด้อย แตกต่างกัน เช่น ถ้าใช้ชื่อเว็บภาษาอังกฤษจะทำให้คนจดจำได้ง่าย ถ้าใช้เว็บภาษาไทยจะทำให้คนจดจำยาก แต่ช่วยทำให้การทำ SEO ด้วยคีย์เวิร์ดหลักทำได้ง่าย เพราะ Keyword ตรงกับชื่อ Domain สำหรับผู้ที่ทำ SEO ที่เน้นคุณภาพ สามารถทำอันดับได้ทั้ง 2 รูปแบบในระยะเวลาใกล้เคียงกันครับ
  การกระจายคีย์เวิร์ดหลักอย่างเป็นธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า Keyword Density มีความสำคัญต่อการทำอันดับบน Search Engine ไม่ว่าเราจะสร้างบทความบน On Page หรือ Off Page ควรให้ความสำคัญเรื่องของการใช้คีย์เวิร์ดในประโยค บทความ อย่างเหมาะสม ภายในบทความจะต้องมีคีย์เวิร์ดไม่มากเกินไป และไม่น้อยเกินไป ถ้าหากภายในบทความมีการใช้คำที่เป็น Keyword หลักมากๆ Google จะเข้าใจว่าเนื้อหาดังกล่าวเข้าข่ายสแปมได้ครับ อีกกรณีหนึ่ง ถ้าหากภายในบทความมีการใช้คำที่เป็น Keyword หลักน้อยเกินไป แบบนี้ Google จะเข้าใจว่าเนื้อหาดังกล่าวไม่มีคุณภาพ สร้างบทความเพื่อหวังผล SEO เป็นต้น การสร้างบทความด้วยการกระจายตำแหน่งของคีย์เวิร์ดอย่างถูกต้อง ใช้ปริมาณคำที่เหมาะสม จะทำให้เนื้อหาที่เราสร้างขึ้น มีคุณภาพในสายตาของกูเกิ้ลครับ ในทางปฏิบัติแล้ว Google ไม่ได้ระบุไว้ว่าควรใช้ Keyword จำนวนกี่คำต่อบทความ เพราะว่าบทความแต่ละบทความนั้นมีความยาวของเนื้อหาไม่เท่ากัน จึงขึ้นอยู่กับเว็บมาสเตอร์ว่าควรใช้จำนวนคีย์เวิร์ดกระจายใน Content จำนวนเท่าไหร่เพื่อให้ส่งผลลัพธ์ที่ดีในการทำอันดับบน Search Engine ทุกวันนี้ การทำ SEO ต้องมุ่งเน้นด้านคุณภาพเป็นหลัก จึงจะสามารถดันอันดับได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
  การสร้างเว็บให้มีโครงสร้างและเนื้อหารองรับ SEO การดันอันดับบน Search Engine ได้พัฒนาไปอย่างมาก ยิ่งนับวันก็ยิ่งมุ่งเน้นด้านคุณภาพมากขึ้น การจะออกแบบเว็บไซต์ให้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของระบบเว็บค้นหาของ Google จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยรอบด้านเกี่ยวกับภาพรวมของ Website ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Web Structure การปรับให้เว็บไซต์มีโครงสร้างที่ดีสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งข้อมูลคุณภาพ Web Content การสร้างบทความคุณภาพเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งาน การตรวจสอบความถูกต้องของภาษาที่ใช้เขียนเว็บ และการใช้ Tags คำสั่งได้อย่างถูกต้องตามหลักการพัฒนาเว็บ การปรับให้ Website สนับสนุนการทำ SEO มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการโปรโมทเว็บให้ติดหน้าแรก Google เพราะว่าหากเว็บไม่มีคุณภาพในสายตาของกูเกิ้ล การดันอันดับให้ขึ้นไปสู่อันดับต้นๆ ของผลการค้นหาจะทำอันดับได้ยากมากครับ สรุปคือ หากเราต้องการทำ SEO ให้ติดอันดับตาม Keywords หลักของเว็บ ต้องคำนึงถึงคุณภาพของของ Web เป็นอันดับแรกครับ
  การสมัครใช้งาน Sitemap.xml เพื่อแจ้งให้กูเกิ้ลทราบว่า เรามีจำนวนหน้าเว็บที่ต้องการให้ Googlebot มาเก็บข้อมูลนำไป Update Cache ในระบบค้นหาของ Search Engine โดยปกติแล้วหากเราสร้าง Backlink จากเว็บที่มีจำนวนคนเข้าชมมากๆ แล้วเชื่อมโยงมายังเว็บหลัก บอทก็จะไต่ตามลิงค์มาเก็บข้อมูลของเราไปเก็บไว้ในระบบค้นหาของกูเกิ้ล ยิ่งเว็บมีการอัพเดทเนื้อหาบ่อยๆ บอทก็จะยิ่งชอบมาเก็บข้อมูลบ่อยขึ้นตามไปด้วย ทำให้เว็บของเรามีจำนวนหน้าที่ Index บนผลการค้นหาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังส่งผลให้ผู้ค้นหาข้อมูลสามารถเข้าสู่เว็บไซต์ของเราผ่านทาง Google Referral มากขึ้น ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนต่อการทำ SEO ให้ติดอันดับ Google อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้แล้วเรายังสามารถสมัครใช้บริการ Ping Services เพื่อให้ Google Bot มาเก็บข้อมูลของเราได้ครับ อย่างไรก็ตาม การใช้ Sitemap.xml ส่งให้กูเกิ้ลมาตรวจเช็คหน้าเว็บของเรา เป็นแนวทางที่ดีที่สุดครับ
  การตั้งค่า Meta Tags ให้ Google Search เข้าใจว่าเว็บของเรามีบทความเกี่ยวกับอะไร และมีคีย์เวิร์ดหลักจำนวนกี่คีย์เวิร์ด อธิบายบทความแบบย่อของเว็บว่านำเสนอเกี่ยวกับเรื่องใด เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการทำอันดับ SEO เป็นอย่างมากครับ Tags คำสั่งที่ต้องปรับเป็นอันดับแรก คือ Title Tag , Meta Description Tag และ Meta Keywords Tag คำสั่งเหล่านี้จะถูกกำหนดไว้ในส่วนของ Web Header ต้องกำหนดทุกครั้งในการเขียนเว็บครับ เทคนิคในการตั้งค่า Title ของเว็บ คือ การเลือกใช้คำ หรือประโยค ที่น่าสนใจ อ่านแล้วอยากจะเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสร้างประโยคที่สามารถจดจำได้ง่าย ด้วยการใช้คำที่สอดคล้องกัน และไม่ควรใช้ Keyword ที่ซ็ำกันภายใน Title เพราะระบบ Algorithm ของ Google อาจมองว่าเป็นการสแปมได้ ลำดับความสำคัญของคีย์เวิร์ดเรียงจากทางด้านซ้ายไปทางด้านขาวมือ ถ้าเราต้องการเน้น Keyword ใดเป็นพิเศษ ก็ให้นำคำหรือคีย์เวิร์ดอยู่ด้านหน้าของประโยค เว็บหน้าหนึ่งไม่ควรใช้ Keyword มากกว่า 5 คำ เพราะจะส่งผลให้เมื่อเว็บติดอันดับ Google แล้ว อับดับจะไม่นิ่ง อาจมีอาการสวิง ขึ้นลงของอันดับได้
  การปรับให้เว็บส่งเสริม SEO ด้วยการปรับ SEO Friendly URL นอกจากเรื่องเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดในโดเมนเนมจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการทำอับดับและช่วยให้การทำอับดับ SEO มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแล้ว การปรับให้เว็บ ของเรามี URL เป็นมิตรกับ SEO จะช่วยทำให้เว็บของเราสามารถทำอันดับได้ง่ายมากขึ้นครับ เนื่องจากหน้าย่อยของเว็บหลักจะสามารถติดอันดับต้นๆ ของผลการค้นหา ในคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันกันต่ำ - ปานกลาง ช่วยทำให้มีจำนวนคนเข้าเว็บมากยิ่งขึ้น และได้รับค่า Google Refferal เพิ่มขึ้น เพราะผู้ใช้งานสามารถค้นพบหน้าเว็บของเรา ผ่านผลการค้นหาของ Google Search การที่มีจำนวนคนเข้ามาอ่านหน้าเว็บอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือในมุมมองของ Google หรือที่เรียกว่า High Page Authority นั่นเองครับ อย่างที่ผมได้เคยกล่าวไว้ข้างต้นว่า ปัจจุบันหากเว็บเรามีบทความคุณภาพสำหรับผู้อ่าน ก็สามารถทำอันดับบน Google Search ได้ง่ายๆครับ
  ปัจจัยช่วยการทำอันดับด้วย Search Frequency เรียกอีกอย่างว่า Google Search CTR เป็นการโปรโมทเว็บด้วยการเน้นให้คนจดจำในแบรนด์ หรือโดเมนเนม มากกว่าการทำอันดับเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้มีการสร้างบทความคุณภาพที่มีการอัพเดทเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ค้นหาที่เคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บ กลับเข้ามาอ่านบทความคุณภาพอีกครั้ง ผ่านการเข้าสู่เว็บไซต์โดยตรง หรือ เข้าสู่เว็บโดยการค้นหาผ่านทาง Google Search และมีการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์จากผลการค้นหา Search Engine Result Pages ซึ่งจะช่วยทำให้ค่าสถิติของเว็บเราในเครื่องมือสำหรับจัดการเว็บไซต์ Google Webmaster Tools ในส่วนของค่า CTR และ จำนวนการ Click ที่สูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้มีมาพร้อมกับการเปิดใช้งาน Webmaster Toosl แสดงให้เห็นว่ากูเกิ้ลให้ความสำคัญกับตัวแปรเหล่านี้ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังทำให้เว็บของเรามีความน่าเชื่อถือในมุมมองของ Google อีกด้วยครับ และค่าคะแนนตัวแปรเกี่ยวกับ Google Search CTR และ Click CTR ยังส่งผลให้เว็บไซต์มีอันดับมีความเสถียรและสามารถติดอันดับได้ยาวนาน แม้ว่าจะมีปริมาณแบ็คลิงค์ไม่มากก็ตาม แสดงให้เห็นว่ากูเกิ้ลให้ความสำคัญกับ Quality Content ที่ผู้อ่านชอบ และคนก็เป็นปัจจัยวัดคุณภาพของเว็บบน Google Search อีกด้วยครับ
  การอัพเดทเนื้หาบ่อยๆ Update Content Frequency นับว่าเป็นอีกปัจจัยหลักที่ช่วยทำให้เว็บของเรา ติดอันดับ Google ได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนมากขึ้น แม้ว่าเราจะสร้าง Website ที่มีคุณภาพ แต่หากขาดการอัพเดทบทความภายในเว็บ ทำให้ข้อมูลหยุดนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้อ่านที่ติดตามอ่านบทความก็จะไม่สามารถอ่านเนื้อหาใหม่ๆ ได้ ส่งผลให้จำนวนคนเข้าเว็บลดน้อยลง UIP Traffics ลดน้อยตามไปด้วย ส่งผลให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพลดลง การเพิ่มบทความใหม่ๆ และมีเนื้อหาสอดคล้องกับ Keyword หลักของเว็บไซต์ มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก Google ต้องการให้เจ้าของเว็บ หรือเว็บมาสเตอร์ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้อ่าน นอกจากบทความที่เขียนขึ้นจะเป็นมิตรกับผู้อ่านแล้ว ยังต้องมีการอัพเดทเนื้อหาบ่อยๆ สม่ำเสมอ Googlebot ก็จะมาเก็บข้อมูลนำไป Index บนผลการค้นหาของ Search Engine และนอกจากนี้ Cache ของเว็บไซต์ก็จะมีการอัพเดทสม่ำเสมออีกด้วย แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องพื้นฐาน สำหรับการโปรโมทเว็บให้ติดอันดับ Google แต่มีประโยชน์มากๆ ไม่น้อยไปกว่าปัจจัยหลักด้านอื่นๆ เลยครับ ลองสังเกตุเว็บไซต์ที่มีการอัพเดทบทความบ่อย กับเว็บไซต์ที่ไม่มีการอัพเดทบทความ จะเห็นได้ชัดว่าในระยะยาว เว็บที่มีการอัพเดทบทความบ่อยๆ จะมีอันดับที่ดีกว่าและนิ่งกว่าครับ
  ปัจจัยหลักในการโปรโมทเว็บ Promote Web Factors ให้ติดหน้าแรก Google อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันการทำ SEO ยากขึ้นกว่าก่อนมากครับ ไม่ว่าจะทำ SEO ด้วยรูปแบบใดก็ตาม เนื่องจาก Timeline ในการจัดอันดับของ Google ต้องใช้ระยะเวลามากยิ่งขึ้น Google ใช้ระยะเวลาการตรวจสอบเว็บ และคำนวณคะแนนในการจัดอันดับยาวนานมากยิ่งขึ้น ทำให้การทำ SEO ยุคที่มุ่งเน้นคุณภาพ จึงต้องใช้เวลาในการโปรโมทเว็บยาวนานขึ้นครับ อย่างไรก็ตามการทำอันดับบน Search Engine ในปัจจุบันนี้ ไม่ได้ใช้ปัจจัยเพียงแค่แบ็คลิงค์ มาตัดสินการจัดอันดับอย่างเดียว มีปัจจัยสำคัญในการให้คะแนนเพิ่มขึ้นมากมายครับ อย่างไรก็ตาม Backlink ก็ยังมีความสำคัญอยู่ แต่เราก็สามารถทำอันดับเว็บให้ติดอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาได้ โดยที่ไม่ต้องใช้จำนวนแบ็คลิงค์มากเหมือนสมัยก่อนครับ แต่ว่าเราต้อนเน้นคำว่าคุณภาพมากยิ่งขึ้น การสร้างลิงค์ในปัจจุบันต้องให้ความสำคัญกับผู้อ่านมากที่สุด ควรสร้างบทความ Off Page ที่ส่งเสริมผู้อ่าน ทุก Link ที่เราสร้างขึ้นจะต้องเป็นลิงค์ที่มาจากบทความคุณภาพจริงๆ คนเข้าไปอ่านบทความเหล่านั้นแล้วได้รับความรู้จริงๆ พยายามสร้างเนื้อหาให้สอดคล้องกับเว็บหลักสูงสุด และมีข้อมูลที่คลอบคลุมมากที่สุด และควรสร้างบทความของ Off Page ด้วยเว็บที่มี Platform แตกต่างกัน มีความโดดเด่นในการนำเสนอข้อมูลต่อผู้อ่าน ทุกบล็อกที่เขียนหรือสร้างขึ้น ต้องเชื่่อมโยงไปหากเว็บหลักอย่างถูกต้อง ให้ความสำคัญ ใส่ใจ ในรายละเอียดของเนื้อหา มากกว่าอันดับบน Google หากทำแบบนี้ได้ Web ของคุณก็สามารถติดอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาได้ไม่ยากครับ
  ปัจจัยเกี่ยวกับ Keyword In External Links ผมมั่นใจว่ามีนักทำ SEO หลายคนที่สร้างลิงค์โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับจำนวนคีย์เวิร์ดที่อยู่ในเนื้อหาบน Off Page คิดเพียงแต่ว่า สร้าง Anchor Text Link เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หลัก และเน้นคีย์เวิร์ดหลัก 2 - 3 คำ แม้ว่ามันสามารถทำอันดับได้ แต่หาก Google มาตรวจสอบอย่างละเอียด ก็มีสิทธิ์โดนกูเกิ้ลทำโทษได้ครับ เพราะว่าบทความคุณภาพส่วนมากจะมีการกระจายความหนาแน่นของ Keyword อย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีคีย์เวิร์ดหลักมากกว่า 5 - 10 คำ ในแต่ละบทความ กูเกิ้ลใช้ระบบตรวจสอบคุณภาพของเนื้อหา ว่าบทความนั้นมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด และสร้างประโยชน์ต่อผู้อ่านหรือไม่ โดยการตรวจสอบจาก Google Panda 4.0 และ Googe Penguin 2.1 ซึ่งทำงานร่วมกับ Panda 4.0 จะตรวจเช็คคุณภาพของบทความ ส่วน Penguin 2.1 จะตรวจสอบรูปแบบการสร้างลิงค์ไปหาเว็บหลัก และบทความที่สร้างควรเขียนจากการศึกษา เรียนรู้ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เพราะไม่ใช่แค่ในบทความมีคีย์เวิร์ดหลักในจำนวนที่เหมาะสมอย่างเดียวเท่านั้น เนื้อหาโดยรวมควรมีศัพท์เทคนิค ประโยค ที่สื่อถึงคุณภาพของเนื้อหาอีกด้วยครับ หากท่านเขียนบทความคุณภาพจากการศึกษา ค้นคว้า ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ รับประกันได้ว่าแถบไม่ต้องสนใจว่าในบทความที่สร้างขึ้นนั้น จะมีจำนวน Keyword หลักเท่าไหร่ เพราะว่าเนื้อหานั้นจะสอดคล้อง เหมาะสมกับการสร้างบทความที่ดีโดยอัตโนมัติ เคล็ดลับที่น่าสนใจ คือ การที่เราอ่านบทความจากเว็บอื่น หลายๆ เว็บ แล้วมาเรียบเรียง หรือเขียนใหม่ในความเข้าใจของเรา รับประกันได้ว่า บทความที่สร้างขึ้นนั้น จะมีคุณภาพในมุมมองของ Google 100% ครับ และแนวทางการสร้าง Backlink ด้วยการให้ความสำคัญกับบทความบนเว็บที่เป็น Off Page จะช่วยทำให้เราสามารถทำอันดับ Google ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถติดอันดับยาวนาน และปลอดภัยครับ
  การสร้างเครือข่ายแบ็คลิงค์คุณภาพ Quality Link Network ผมคิดว่าการทำ SEO ในคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันกันสูงๆ High Competition Keyword นั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้รับทำ SEO หรือผู้ที่ทำ SEO ด้วยตัวเอง ไม่ใช้งานเน็ตเวิร์คส่วนตัวสร้างลิงค์ไปยังเว็บหลัก ไม่ใช่ว่าแบ็คลิงค์จากเว็บประกาศฟรี และเว็บบอร์ดไม่สามารถทำอันดับได้ ผมอยากอธิบายให้ผู้อ่านทุกท่านทราบว่า Link ที่มาจากเว็บประกาศ เว็บบอร์ด บล็อกฟรี สามารถทำอันดับได้จริงครับ หากแต่เราต้องสร้างบทความคุณภาพจริงๆ จากนั้นจึงสร้าง Anchor Text Link กลับไปยังเว็บหลัก แนะนำให้เขียนบทความคุณภาพเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน บนเว็บ Off Page Site ที่มีบทความสอดคล้องกับเว็บหลัก อย่าพยายามใช้เทคนิคที่ผิดกฎของ Google เช่น ใช้ระบบสปินบทความโดยอ่านไม่รู้เรื่อง หรือการคัดลอกข่าวจากเว็บอื่นแล้วแทรกลิงค์เข้าไปในบทความ สิ่งเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดครับ เพราะว่าได้ไม่คุ้มเสีย หาก Google ตรวจสอบเจอ โดนแบนทั้งเว็บหลักและเน็ตเวิร์คส่วนตัวครับ การสร้างบล็อกเน็ตเวิร์คคุณภาพ ต้องให้ความสำคัญกับผู้อ่านเป็นหลัก หากคุณมีความต้องการใช้พลังของเน็ตเวิร์คทำอันดับบน Search Engine ต้องตั้งค่าให้ทุกโพสของเน็ตเวิร์คมุ่งเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น กล่าวคือ ต้องสร้างเอสอีโอเน็ตเวิร์คเฉพาะด้าน เช่น ถ้าเราสร้างบทความเกี่ยวกับ Internet Marketing ก็ต้องนำเสนอเกี่ยวกับ IM เท่านั้น จึงจะทำให้เราได้รับคะแนนจากแบ็คลิงค์ ที่มีความน่าเชื่อถือสูง และอย่าพยายามใช้เทคนิคสแปมคีย์เวิร์ด หรือคัดลอกเนื้อหาจากเว็บอื่นมาใช้งาน ควรเขียนบทความขึ้นมาด้วยตัวเอง และการใช้งานระบบ Social Network มาใช้งานร่วมกับเน็ตเวิร์คส่วนตัว ก็จะยิ่งสร้างความแรงให้กับฐานของแบ็คลิงค์อีกด้วยครับ อีกเทคนิคหนึ่ง คือ การใช้เทคนิคสร้างลิงค์เชื่อมโยงแบบ Pyramid Link จะเพิ่มความแรงให้ Off Page Link ขึ้นไปอีกครับ แต่ควรให้ความสำคัญในเรื่องของบทความให้มีคุณภาพมากๆ เพราะหากบทความที่นำมาใช้ไม่มีคุณภาพ เป็นบทความที่ซ้ำกับเว็บอื่น จะถูกทำโทษจากระบบอัลกอริทึมของกูเกิ้ล อย่างแน่นอนครับ การโปรโมทเว็บติดอันดับ Google ต้องคำนึงถึงอันดับในระยะยาว มากกว่าการติดหน้าแรกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้แล้ว จำนวนของแบ็คลิงค์ หรือที่เรียกว่า Number of Backlinks เป็นปัจจัยหลักในการทำ SEO ซึ่งหากสร้างบทความคุณภาพแล้วเว็บของคุณยังไม่ติดอันดับต้นๆ แสดงว่าจำนวนของลิงค์น้อยเกินไปครับ ข้อควรระวังอีกอย่างหนึ่ง คือ อย่าให้ปริมาณของแบ็คลิงค์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใน Google Webmaster Tools ค่อยๆสร้างลิงค์ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ - See more at: http://www.seolotus.com/Google-Penguin-3.0-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%A1-1012-8#sthash.QyN7gHCn.dpuf

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น