วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

iptable block facebook by mac or ip

74-EA-3A-81-05-94 เครื่อง poo

http://forum.ubuntuclub.com/index.php?topic=107.0
http://askubuntu.com/questions/270693/how-can-set-these-iptables-rules-to-run-at-startup
http://attasit.ptl.ac.th/Jml/index.php?option=com_content&view=article&id=30:-port-iptable&catid=10:2010-02-11-15-46-39&Itemid=22

การblockให้หมด เช่น เวป http และ https
ทำ2 แบบ คือ 1
1.block http หรือ port 80 ใช้ squid ดังลา่ง

acl mac_nb_joe arp 20:6a:8a:34:32:f2
acl mac_poo  arp 74:ea:3a:81:05:94

.
.
.

http_access deny mac_nb_joe
http_access deny  mac_poo
ใน # nano /etc/squid/squid.conf แล้วสั่ง /etc/init.d/squid reload
และให้ลองสั่ง ว่า คำสั่งใน squid ได้โหลดผ่านหมดไหม ใช้ service squid stop และสั่ง service squid start ถ้าไม่มี error ก็ผ่าน






2.block https ทำใน  nano /etc/init.d/firewall.sh ทำเสร้จ ให้ สั่ง sh /etc/initd./firewall.sh ดู ที่ตั้งไป # iptables -L -v


iptables -A FORWARD -m iprange --src-range 192.168.0.1-192.168.0.20 -m string --string "facebook.com" --algo bm --to 65535 -j DROP

iptables -I FORWARD -m mac --mac-source aa:bb:cc:dd:ee:ff -j DROP

iptables -A FORWARD -m mac --mac-source 20:6a:8a:34:32:f2 -m string --string "facebook.com" --algo bm --to 65535 -j DROP

================
ขอถามพี่ๆเรื่อง iptables block web และ bypass ip บางเครื่องให้เข้าได้
« on: September 23, 2013, 12:19:38 AM »
คือตอนนี้ผมทำ server block web โดย web ที่เป็น url port 80 จะ block ด้วย squid3 ก็ใช้งานได้โอเค

แต่จะติดปัญหากับการ block facebook https ซึ่ง squid3 ไม่สามารถเอาอยู่ ผมเลยมา block facebook https ผ่าน iptables แทนก็สามารถ block ได้โอเคเลยครับ แต่ติดปัญหาที่ เครื่องระดับหัวหน้าเค้าต้องการ facebook เข้าได้ผมเลยจะถามพี่ๆว่า ถ้า

จะให้บางเครื่องหรือบาง ip สามารถทะลุหรือผ่านเข้า facebook https ได้ มันสามารถทำได้ไหมครับ ถ้าทำได้ต้องใช้คำสั่งว่าอะไรบ้างครับ รบกวนๆพี่ๆช่วยด้วยนะครับ  :) :'(

ซึ่งผมลองค้นหาในเน็ตอยู่พักนึงได้มาแบบนี้ครับ ลองดูมันไม่ได้ผลครับ เข้า facebook ไม่ได้อยู่ดี

iptables -I FORWARD -s 192.168.1.0/24 --match iprange --dst-range 192.168.1.50-192.168.1.70 -p tcp -d 69.63.176.0/20 -j ACCEPT


รบกวนด้วยนะครับ

---
ตอบช้าไปไหมนิ ทำได้ครับ คุณก็ทำแบบเดิมเหมือนที่คุณ Block Https ครับ แต่ว่าอันนี้คุณ ระบุ IP ของคนที่ต้องการให้เข้า และกำหนดเป็น ACCEPT แค่นั้นครับ
** ข้อสำคัญคือ ลำดับการจัดวางมีความสำคัญมาก เช่น
1. 192.168.1.0/24 https Deny
2. 192.168.1.10 https Accept

จะต่างกับ
1. 192.168.1.10 https Accept
2. 192.168.1.0/24 https Deny

อันบนคือ 192.168.1.10 จะไม่สามารถเข้า https ได้ครับ เพราะว่าโดนบรรทัดแรก Deny ไปแล้ว ที่คุณต้องทำคือทำแบบอันล่าง
** ผิดถูกยังไงต้อง ขอ อภัย ด้วยครับ ถ้าผมผิด วานผู้รู้ช่วยแก้ด้วยครับ
--
ตามนั้นครับ จำง่ายๆ คือมันทำงานทุกคำสั่งโดยเรียงจากล่างขึ้นบน ( กรณีนี้คือปิด https ทุกคนก่อน ตามด้วยเปิด https ให้กับ 192.168.1.10)

ปล.มันจะไม่มีปัญหากับ web อื่นที่เป็น https เหรอครับ เช่น google, hotmail พวกนี้ ทำไมไม่ลองชี้ domain facebook ไปที่ ip อื่นดู โดยแก้ที่ไฟล์ /etc/hosts
======================

   ส่วนถ้าถามว่า ควร จะปิดหรือเปิด PORT อะไรบ้าง อันนี้ตอบแบบฟันธงไม่ได้ จะขึ้นอยู่กับหน่วยงานของท่านเองว่าจะต้องใช้ PORT อะไรบ้าง แต่พอร์ตที่ จำเป็นจะต้องเปิดมีดังนี้

หทายเลขพอร์ต
การเชื่อมต่อ
หน้าที่เชื่อมต่อ
53
TCP/UDP
DNS  การแปลงชื่อกับหมายเลข IP
80,8080
TCP
HTTP  การใช้ WEB
443,8443
TCP
HTTPS การใช้ WEB ความปลอดภัยสูง
20,21
TCP/UDP
FTP  บริการ FTP โอนถ่ายข้อมูล
22
TCP
SSH  บริการควบคุมระยะไกล
25,110
TCP
EMAIL   อีเมล์ Server เท่านั้น เช่นการใช้ Outlook เป็นต้น
ไม่เกี่ยวกับการเข้า email ด้วย web
1863
TCP
MSN  การแชท
554
TCP/UDP
RTSP  ระบบมัลติมีเดีย เช่น วิทยุ ทีวี ฟังเพลง  Online

สำหรับส่วนประกอบของ IPTABLES นั้นจะมีส่วนประกอบหลัก ๆ อยู่ 3 ส่วนด้วยกัน
  1. INPUT  คือส่วนของข้อมูลที่เข้ามาสู่เครืองคอมพิวเตอร์ Server
  2. OUTPUT คือส่วนของข้อมูลที่ออกจะเครื่องคอมพิวเตอร์ Server
  3. FORWARD คือส่วนที่ส่งต่อข้อมูลจะเครือข่ายภายในสู่ภายนอกนั้นเองครับ  (การบล็อกพอร์ตจะใช้ในส่วนที่เป็นหลัก สำหรับการติดต่อระหว่างเครื่องภายในและภายนอก)

สำหรับวิธีการการบล็อกพอร์ทนั้น จะมีวิธีที่นิยมอยู่  2  วิธีการคือ
1.เปิดทั้งหมดแล้ว ทำการบล็อกพอร์ทที่จะปิด
ตัวอย่าง
$IPTABLES -P FORWARD ACCEPT                                              #OPEN ALL
$IPTABLES -A FORWARD -m state --state RELATED,ESTABLISHED -j ACCEPT
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 1863 -j DROP                     #BLOCK MSN
$IPTABLES -A FORWARD -p udp --dport 1863 -j DROP                    #BLOCK MSN
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 4000 -j DROP                     #BLOCK qq
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 5050 -j DROP                     #BLOCK YAHOO CHAT
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 2778  -j DROP                     #BLOCK  CamFrox
 
2. ปิดทั้งหมดแล้วเปิดพอร์ทที่ใช้เท่านั้น    (วิธีการนี้จะมีความปลอดภัยมากกว่าคือ ต้องการเปิดปิดไหนก็เปิดเอาเองได้เลยครับ แต่ถ้าเราเปิดไม่ครบอาจมีปัญหาได้ครับ)
ตัวอย่าง

$IPTABLES -P FORWARD DROP                                                                           #CLOSE PORT ALL$IPTABLES -A FORWARD -m state --state RELATED,ESTABLISHED -j ACCEPT
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 53 -j ACCEPT   #DNS
$IPTABLES -A FORWARD -p udp --dport 53 -j ACCEPT  #DNS
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 80 -j ACCEPT  #HTTP
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 8080 -j ACCEPT  #HTTP
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 443 -j ACCEPT  #HTTPS
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 8443 -j ACCEPT  #HTTPS
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 20 -j ACCEPT  #FTP
$IPTABLES -A FORWARD -p udp --dport 20 -j ACCEPT  #FTP
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 21 -j ACCEPT  #FTP
$IPTABLES -A FORWARD -p udp --dport 21 -j ACCEPT  #FTP
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 22 -j ACCEPT  #SSH
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 23 -j ACCEPT  #TELNET
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 25 -j ACCEPT  #MAIL
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 110 -j ACCEPT  #MAIL
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 1863 -j ACCEPT #MSN
$IPTABLES -A FORWARD -p udp --dport 1863 -j ACCEPT #MSN
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 4000 -j ACCEPT  #qq
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 554 -j ACCEPT  #RTSP
$IPTABLES -A FORWARD -p udp --dport 554 -j ACCEPT  #RTSP
$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 5050 -j ACCEPT  #YAHOO


74-EA-3A-81-05-94 เครื่อง poo

ทำใน  nano /etc/init.d/firewall.sh ทำเสร้จ ให้ สั่ง sh /etc/initd./firewall.sh ดู ที่ตั้งไป # iptables -L -v


iptables -A FORWARD -m iprange --src-range 192.168.0.1-192.168.0.20 -m string --string "facebook.com" --algo bm --to 65535 -j DROP

iptables -I FORWARD -m mac --mac-source aa:bb:cc:dd:ee:ff -j DROP

iptables -A FORWARD -m mac --mac-source 20:6a:8a:34:32:f2 -m string --string "facebook.com" --algo bm --to 65535 -j DROP

================
ขอถามพี่ๆเรื่อง iptables block web และ bypass ip บางเครื่องให้เข้าได้
« on: September 23, 2013, 12:19:38 AM »
คือตอนนี้ผมทำ server block web โดย web ที่เป็น url port 80 จะ block ด้วย squid3 ก็ใช้งานได้โอเค

แต่จะติดปัญหากับการ block facebook https ซึ่ง squid3 ไม่สามารถเอาอยู่ ผมเลยมา block facebook https ผ่าน iptables แทนก็สามารถ block ได้โอเคเลยครับ แต่ติดปัญหาที่ เครื่องระดับหัวหน้าเค้าต้องการ facebook เข้าได้ผมเลยจะถามพี่ๆว่า ถ้า

จะให้บางเครื่องหรือบาง ip สามารถทะลุหรือผ่านเข้า facebook https ได้ มันสามารถทำได้ไหมครับ ถ้าทำได้ต้องใช้คำสั่งว่าอะไรบ้างครับ รบกวนๆพี่ๆช่วยด้วยนะครับ  :) :'(

ซึ่งผมลองค้นหาในเน็ตอยู่พักนึงได้มาแบบนี้ครับ ลองดูมันไม่ได้ผลครับ เข้า facebook ไม่ได้อยู่ดี

iptables -I FORWARD -s 192.168.1.0/24 --match iprange --dst-range 192.168.1.50-192.168.1.70 -p tcp -d 69.63.176.0/20 -j ACCEPT


รบกวนด้วยนะครับ

---
ตอบช้าไปไหมนิ ทำได้ครับ คุณก็ทำแบบเดิมเหมือนที่คุณ Block Https ครับ แต่ว่าอันนี้คุณ ระบุ IP ของคนที่ต้องการให้เข้า และกำหนดเป็น ACCEPT แค่นั้นครับ
** ข้อสำคัญคือ ลำดับการจัดวางมีความสำคัญมาก เช่น
1. 192.168.1.0/24 https Deny
2. 192.168.1.10 https Accept

จะต่างกับ
1. 192.168.1.10 https Accept
2. 192.168.1.0/24 https Deny

อันบนคือ 192.168.1.10 จะไม่สามารถเข้า https ได้ครับ เพราะว่าโดนบรรทัดแรก Deny ไปแล้ว ที่คุณต้องทำคือทำแบบอันล่าง
** ผิดถูกยังไงต้อง ขอ อภัย ด้วยครับ ถ้าผมผิด วานผู้รู้ช่วยแก้ด้วยครับ
--
ตามนั้นครับ จำง่ายๆ คือมันทำงานทุกคำสั่งโดยเรียงจากล่างขึ้นบน ( กรณีนี้คือปิด https ทุกคนก่อน ตามด้วยเปิด https ให้กับ 192.168.1.10)

ปล.มันจะไม่มีปัญหากับ web อื่นที่เป็น https เหรอครับ เช่น google, hotmail พวกนี้ ทำไมไม่ลองชี้ domain facebook ไปที่ ip อื่นดู โดยแก้ที่ไฟล์ /etc/hosts
======================
1.เปิดทั้งหมดแล้ว ทำการบล็อกพอร์ทที่จะปิด
$IPTABLES -P FORWARD ACCEPT                                              #OPEN ALL
$IPTABLES -A FORWARD -m state --state RELATED,ESTABLISHED -j ACCEPT

$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 1863 -j DROP                     #BLOCK MSN

แบบ 2 
2. ปิดทั้งหมดแล้วเปิดพอร์ทที่ใช้เท่านั้น    (วิธีการนี้จะมีความปลอดภัยมากกว่าคือ ต้องการเปิดปิดไหนก็เปิดเอาเองได้เลยครับ แต่ถ้าเราเปิดไม่ครบอาจมีปัญหาได้ครับ)

ตัวอย่าง
$IPTABLES -P FORWARD DROP                                                                           #CLOSE PORT ALL
$IPTABLES -A FORWARD -m state --state RELATED,ESTABLISHED -j ACCEPT

$IPTABLES -A FORWARD -p tcp --dport 53 -j ACCEPT   #DNS
$IPTABLES -A FORWARD -p udp --dport 53 -j ACCEPT  #DNS



===============================
How Do I Block an IP Address on My Linux server?
by VIVEK GITE on MARCH 29, 2006

How do I block an IP address or subnet under Linux operating system?

In order to block an IP on your Linux server you need to use iptables tools (administration tool for IPv4 packet filtering and NAT) and netfilter firewall. First you need to log into shell as root user. To block an IP address you need to type the iptables command as follows:


Syntax to block an IP address under Linux

iptables -A INPUT -s IP-ADDRESS -j DROP
Replace IP-ADDRESS with your actual IP address. For example, if you wish to block an ip address 65.55.44.100 for whatever reason then type the command as follows:
# iptables -A INPUT -s 65.55.44.100 -j DROP

If you have IP tables firewall script, add the above rule to your script.

If you just want to block access to one port from an ip 65.55.44.100 to port 25 then type command:
# iptables -A INPUT -s 65.55.44.100 -p tcp --destination-port 25 -j DROP

The above rule will drop all packets coming from IP 65.55.44.100 to port mail server port 25.

CentOS / RHEL / Fedora Block An IP And Save It To Config File

Type the following two command:
# iptables -A INPUT -s 65.55.44.100 -j DROP
# service iptables save

How Do I Unblock An IP Address?

Use the following syntax (the -d options deletes the rule from table):
# iptables -D INPUT -s xx.xxx.xx.xx -j DROP
# iptables -D INPUT -s 65.55.44.100 -j DROP
# service iptables save

==============

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

create and backup system image backup win8.1

http://www.howtogeek.com/167984/how-to-create-and-restore-system-image-backups-on-windows-8.1/

How to Create and Restore System Image Backups on Windows 8.1

system-image-recovery-windows-8.1
We previously reported that the system image backup feature was removed in Windows 8.1. This isn’t entirely true — while the graphical interface for creating system images was removed, you can still create system images with a PowerShell cmdlet.
This is good news for system administrators, as it allows them to create and restore system image backups without switching to third-party tools like Norton Ghost. System images are different from recovery images created with recimg because they contain a full snapshot of the system’s hard drive, including user files and settings.

Create a System Image Backup

First, you’ll need to connect an external drive to your system, which will serve as the backup drive. You can also back up to a shared folder over the network. However, you can’t save the system image backup to the system drive or any other drives you’re backing up.
Next, open a PowerShell window as administrator. To do so, press Windows Key + X and select Windows PowerShell (Admin) in the menu that appears. You can also search for PowerShell from the Start screen, right-click it, and select Run as Administrator.
open-powershell-as-admin
In the PowerShell window, run a command like the following one to start a backup:
wbAdmin start backup -backupTarget:E: -include:C: -allCritical -quiet
The above command tells the Windows to back up the C: drive onto the E: drive, including all critical volumes containing the system’s state. The -quiet switch tells the cmdlet to run without prompting you.
Of course, you’ll have to replace the values with your own preferred values. Instead of “E:” for the backup target, use whichever drive you want to save the system image to.
create-system-backup-image-from-powershell
If you wanted to back up several drives or partitions in the system image, you’d include them as a comma-separated list:
wbAdmin start backup -backupTarget:E: -include:C:,D:,F: -allCritical -quiet
You could also back up to a shared folder over the network:
wbAdmin start backup -backupTarget:\\remoteComputer\\Folder -include:C: -allCritical -quiet
For more information on the cmdlet’s syntax, consult the Wbadmin start backup page on Microsoft’s Technet site. You can also run wbAdmin start backup without any switches to view the command’s options.
wbadmin-start-backup-usage
The command will take some time to run. After it’s done, you’ll find a “WindowsImageBackup” folder containing your backup images on the backup drive you specified.

Restore a System Image Backup

System image backups can’t be restored from within Windows as they’re overwriting the Windows system entirely. To restore a system image backup, you’ll need to boot from Windows 8.1 installation mediarecovery drive, or system repair disc.
Insert the installation media or recovery drive and reboot your computer. When the installation process Starts, click the Repair your computer link.
windows-8-install-repair-your-computer
Click the Troubleshoot tile to access the troubleshooting options.
windows-boot-choose-an-option
Click the Advanced Options tile to access the options intended for advanced users.
windows-boot-troubleshoot-menu
Select the System Image Recovery option to re-image your computer from a system image.
advanced-options-system-image-recovery
Windows will walk you through restoring a system image backup. Connect the external drive containing the system image backup to your computer if you haven’t already — you’ll be able to restore directly from it to your computer.
restore-system-image-on-windows-8.1

Microsoft has clearly hidden this functionality so average users will use Windows 8’s new File History backup tool and Refresh and Reset features.
Luckily, they haven’t removed this feature entirely, so system administrators and geeks can continue to create and restore system image backups on Windows 8.1 — no third-party software required.

http://bobootech.blogspot.com/2014/12/system-image-backup-windows-881.html

Win8-System Image Backup
หากติดตั้ง Windows และ Programs จนพร้อมใช้งานแล้ว หลังจากนั้นเครื่องของเราติดไวรัส รันโปรแกรมค้าง โหลดข้อมูลช้าผิดปกติ หรือล็อคอินเข้าหน้าจอไม่ได้ จนเกิดความไม่สะดวกในการใช้งาน สถานะการณ์ในลักษณะนี้จะมี 2 สิ่งหลัก ๆ ที่ต้องเสียตามมา อย่างแรกคือค่าใช้จ่ายในการติดตั้งโปรแกรมใหม่ อีกอย่างคือเวลาที่ต้องเสียไปสำหรับการกำหนดค่าโปรแกรมอีกรอบครับ ซึ่งอย่างหลังนี้บางทีก็จำได้บ้าง ไม่ได้บ้างเหมือนกัน เนื่องจากระยะเวลาที่กำหนดค่าอาจเป็นช่วงต้นปี แต่เครื่องคอมของเรามาแฮงค์หลังจากผ่านการใช้งานไปแล้ว 1-2 ปีก็เป็นไปได้
จากตัวอย่างจะเห็นว่า เราไม่มีทางทราบได้เลยว่าคอมของเราจะแฮงค์ หรือ มีอาการโหลดข้อมูลช้าขึ้นมาเมื่อใด แต่สิ่งที่สามารถทำได้ก่อนเกิดปัญหา คือการป้องกันด้วยการทำสำเนาของระบบไว้ครับ สำหรับเครื่องมือที่จะพูดถึงในวันนี้คือ System image backup ที่ติดตั้งมาพร้อมกับ Windows 8 หรือ Windows 8.1 ครับ ลองเข้าไปดูขั้นตอนการใช้งานพร้อมกันเลยนะครับ
ขั้นตอนดำเนินการ
1.เปิดหน้าต่าง Control panel ปรับมุมมองเป็นแบบ Category ตามด้วยการเลือกเมนู System and Security ตามรูปครับ
image
2.ลำดับถัดไป คลิกเลือกเมนู File History
image
3.หลังจากนั้น เลือกเมนู System Image Backup ที่ตำแหน่งซ้ายล่างของหน้าต่างโปรแกรมครับ
image
4.ต่อมาโปรแกรมจะให้ท่านเลือกว่า ท่านต้องการเก็บสำเนาของระบบไว้ที่ใด ซึ่งมี 3 ทางเลือกดังนี้
  • On a hard disk  ความหมายคือ ต้องการเก็บสำเนาของระบบไว้ที่ External hard disk หรือ Flash drive(แนะนำทางเลือกนี้)
  • On one or more DVDS ต้องการเก็บสำเนาของระบบไว้ที่ แผ่นดีวีดี ซึ่งหากแผ่นเดียวพื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอ โปรแกรมจะแจ้งให้ท่านใส่แผ่นที่ 2 โดยอัตโนมัติ
  • สุดท้าย On a network location ต้องการเก็บสำเนาของระบบไว้ที่แชร์โฟลเดอร์ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
ในตัวอย่างนี้แนะนำ On a hard disk เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากเพียงพอ และหาซื้อได้ง่ายในท้องตลาดทุกวันนี้ เสร็จแล้วคลิก Next … เพื่อทำขั้นตอนต่อไปครับ
image
5.หน้าต่างถัดมา โปรแกรมจะสอบถามท่านเพิ่มเติมว่า นอกจากไดร์ฟ C: ที่ติดตั้ง Windows กับ Programs แล้ว ท่านมีความต้องการจะทำสำเนาไดร์ฟอื่น ๆ บนเครื่องของท่านอีกหรือไม่ หากท่านมีไดร์ฟอื่น ๆ เช่น D:,E:,F:  ท่านก็สามารถเลือกเพิ่มเติมได้ในขั้นตอนนี้ แต่ขอให้ท่านทราบว่ายิ่งเลือกจำนวนไดร์ฟมากเท่าใด ระยะเวลาในการทำสำเนาก็ยิ่งมากขึ้นตามจำนวนไดร์ฟและจำนวนข้อมูลที่เก็บอยู่ในไดร์ฟครับ ในตัวอย่างนี้ขอเลือกเฉพาะไดร์ฟ C : เสร็จแล้วคลิก Next
image
6.หลังจากคลิก Next ในขั้นตอนที่ผ่านมา โปรแกรมจะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ ที่ท่านได้กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ครับ เช่น เก็บข้อมูลไว้ที่ใด , พื้นที่ ๆ ต้องใช้ในการทำสำเนาระบบเท่าใด และท่านเลือกทำสำเนาไดร์ฟใดบ้างตามรูปครับ
หากตรวจสอบเสร็จแล้วและไม่ต้องการแก้ไขเพิ่มเติม คลิก Start backup
(ในระหว่างขั้นตอนการ Backup ไม่ควรใช้งานเครื่องครับ เพื่อลดระยะเวลาในการทำสำเนาระบบ อีกสาเหตุหนึ่งเพื่อป้องกันความเสียหายของข้อมูลครับ)
image
7.หลังจากกดปุ่ม Start backup แล้ว โปรแกรมจะแสดงความคืบหน้าตามรูปนี้ครับ
image
8.หลังจากโปรแกรมทำสำเนาระบบของท่านเสร็จ จะแสดงข้อความ “The backup completed successfully” ตามรูป ให้ท่านคลิกปุ่ม Close ครับ
image
ถึงตอนนี้ท่านก็มีสำเนาของระบบ เก็บไว้ใช้แก้ไขปัญหาในอนาคตเรียบร้อยครับ หวังว่าข้อมูลคงเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ

ดูเลข product key win7 8 8.1

วิธีตรวจสอบเลขที่ Product Key สำหรับ Windows 7/8/8.1




มื่อใดก็ตามหากท่านมีความจำเป็นต้อง Re-Install วินโดวส์อาจจะมาจากสาเหตุเครื่องติดไวรัส , เครื่องเริ่มโหลดโปรแกรมค้างหรือโหลดช้าผิดปกติ ต้องเรียนว่าการติดตั้งวินโดว์นั้นขั้นตอนอาจไม่ซับซ้อน มีเพียงสิ่งเดียวที่อาจเป็นปัญหาหากจำสถานที่เก็บ Product key ไม่ได้ หรือ เคยบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ แต่เผลอลบไปแล้วก็อาจเป็นไปได้ครับ. จากตัวอย่างสถานการณ์ข้างต้น วันนี้ BBTECH ขออนุญาตแนะนำวิธีการตรวจสอบ Product Key ของวินโดว์ด้วยไฟล์ Productkey.vbs ครับ
Windows Product Key
ลำดับแรกขอแจ้งตำแหน่ง ทีวินโดวส์ใช้เก็บ Product key ก่อนครับ โดยปกติจะเก็บไว้ภายใน Registry Editor Tools โดยใช้ชื่อว่าDigitalProductid ตามรูป เมื่อสังเกตุที่ฟิวด์ Data ท่านจะเห็นชุดตัวเลข Binary format แสดงอยู่ตามนี้  a4 00 00 00 03…. สิ่งที่ท่านต้องทำเป็นลำดับต่อไป คือการ Convert ชุดตัวเลขนี้ ให้กลายเป็นหมายเลข Product key ของ Windows สำหรับวิธีการดูต่อด้านล่างนี้ครับ
How to find product key for windows 7-8
ให้ท่าน Copy และ Paste โค๊ดด้านล่างลงในโปรแกรม Notepad ก่อน

Set WshShell = CreateObject("WScript.Shell")
MsgBox ConvertToKey(WshShell.RegRead("HKLM\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\DigitalProductId"))
Function ConvertToKey(Key)
Const KeyOffset = 52
i = 28
Chars = "BCDFGHJKMPQRTVWXY2346789"
Do
Cur = 0
x = 14
Do
Cur = Cur * 256
Cur = Key(x + KeyOffset) + Cur
Key(x + KeyOffset) = (Cur \ 24) And 255
Cur = Cur Mod 24
x = x -1
Loop While x >= 0
i = i -1
KeyOutput = Mid(Chars, Cur + 1, 1) & KeyOutput
If (((29 - i) Mod 6) = 0) And (i <> -1) Then
i = i -1
KeyOutput = "-" & KeyOutput
End If
Loop While i >= 0
ConvertToKey = KeyOutput
End Function


หลังจากนั้นที่โปรแกรม Notepad ให้ท่านเลือก File - Save as ในส่วนของ File name กำหนดเป็นproductkey.vbs หรือชื่ออื่นก็ได้แต่ขอให้นามสกุลเป็น .vbs และในส่วนของ Save as type กำหนดเป็น AllFiles (*.*)  ส่วนตำแหน่งจัดเก็บนั้น ให้ท่านเลือก Save ไว้ที่ใดก็ได้ตามสะดวก สำหรับในตัวอย่างนี้ขอ Save ไว้ที่ Desktop ครับ
 How to find product key for windows 7-8-2
ขั้นตอนสุดท้ายให้ปิดโปรแกรม Notepad แล้วมาดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ Productkey.vbs หลังจากนั้นจะมีเลขที่ Product key ที่ท่านเคยใช้ในการลงทะเบียนวินโดวส์แสดงขึ้นมาตามรูปครับ  ท่านสามรถนำตัวเลขชุดนี้  ไปอ้างอิงในการ Re-install วินโดวส์ครั้งต่อไปได้...สวัสดีครับ
 How to find product key for windows 7-8-3

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

clean partion be gpt style and windows-8-finalizing-settings-stuck-hang

https://www.youtube.com/watch?v=69KmAUmyzmI
Windows cannot be installed to this disk the selected disk is of the gpt partition style itsolutiont

 
37,198
เผยแพร่เมื่อ 17 ก.ค. 2014
Step 1: Press shift + F10
Step 2: Enter Command as: diskpart
Step 3: again Enter command as: list
Step 4: again Enter command as: select disk 0
Step 5: now Enter Command as: clean

adn ค้าง ที่ finalize your setting ให้ กด shift f10 
http://alfred.co.in/how-to/windows-8-finalizing-settings-stuck-hang-how-to-fix/

Press Shift + F10 to get the command prompt
Type tasklist, you should see a screen similar to the one below (image is just an example)
windows-8-finalizing-settings-process-id
You should see two or three entries with cmd.exe (one of them will be a microsoft  kb update that is causing the problem, use tasklist /v to see detailed view)
We need to end the right task so skip this screen. Next to the cmd.exe there will be a four digit number. This is the process ID. Note down the process ID’s for cmd.exe
Type taskkill /PID 1234 .  Replace “1234” with the process ID you noted earlier.
Once the right process is killed, Windows 8 will finally move to the preparing start screen.

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

dx.bat dex file dalvikvm

C:\android-sdk-windows\build-tools\22.0.1>dx --dex --output=hello.dex Hello.clas
s
C:\android-sdk-windows\build-tools\22.0.1>

ผ่านได้ไฟล์ dex มา อยุ่ที่เดียวกันที่ dx.bat แต่ต้อกกำหนด   JAVA_HOME C:\Program Files\Java\jdk1.7.0_79

และ  Paht C:\Program Files\Java\jdk1.7.0_79\bin ที่มี java javac อยุ่

http://www.herongyang.com/Android/shell-dalvikvm-Command-to-Run-Java-Application.html

copy ไฟล์ที่ device ต้อง และใช้ su เพื่อใช้ dalvikvm เรียก hello.dex ได้

"dalvikvm" Command to Run Java Application
CommentsEmail
PDFRSS
© 2012 by Dr. Herong Yang.
All rights reserved.
This section provides a tutorial example on how to use 'dalvikvm' command line tool to run a Java application on the Dalvik VM (Virtual Machine).
Since "dalvikvm" is a Java virtual machine, you can use it to regular Java applications as shown in this tutorial:
1. Write a simple Java application called Hello.java:
class Hello {
   public static void main(String[] a) {
      System.out.println("Hello world!");  
   }
}
2. Compile the application with Java SE 6:
C:\herong>java -version
java version "1.6.0_21"
...

C:\herong>javac Hello.java
3. Convert .class file to .dex file:
C:\herong>copy Hello.class \local\android-sdk-windows\platform-tools
   (dx.bat requires class files to be located at this folder)

C:\herong>\local\android-sdk-windows\platform-tools\dx.bat
   --dex --output=hello.dex Hello.class
   
C:\herong>copy \local\android-sdk-windows\platform-tools\hello.dex .
4. Copy .dex file to the Android system:
C:\herong>\local\android-sdk-windows\platform-tools\adb 
   push hello.dex /sdcard/Download
4 KB/s (736 bytes in 0.167s)

5. Run the application with "dalvikvm":
C:\herong>\local\android-sdk-windows\platform-tools\adb shell

# cd /sdcard/Download
cd /sdcard/Download

# dalvikvm -cp hello.dex Hello
dalvikvm -cp hello.dex Hello

Hello world!